เคลมสด คือการเคลมแบบมีคู่กรณี ที่จะต้องเป็นยานพาหนะทางบกเท่านั้น คือต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก บางอย่างวิ่งอยู่บนถนนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นยานพาหนะทางบกนะครับ เช่น รถถัง จักรยานไฟฟ้า จักรยาน สามล้อถีบ รถไฟ จักรยานยนต์พ่วงข้าง พวกนี้ไม่ใช่ยานพาหนะทางบกนะครับผม การเคลมสดจะต้องเตรียมเอกสารให้กับตัวแทนประกัน คือ รูปถ่าย จากตำแหน่งและสถานที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตัวแทนประกัน บางครั้งรถชนแล้วขวางทาง ก็อาจย้ายที่จากจุดเกิดเหตุก่อนที่ตัวแทนจะเดินทางมาถึง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายรูปไว้แล้ว แบบนี้ก็เรียกว่าเคลมสดครับ นอกจากนั้นก็ยังต้องเตรียมใบขับขี่ของผู้ขับ บัตรประชาชน หน้าตารางกรมธรรม์ เมื่อเคลมเสร็จแล้ว สิ่งที่เราจะได้รับก็คือ ใบแจ้งเคลม ซึ่งระบุความเสียหายของรถ เพื่อให้เราเช็คให้ครบถ้วน และก็เซ็นต์ชื่อในเอกสารใบแจ้งเคลม ให้เรานำไปแจ้งที่อู่ หรือ ศูนย์ได้ครับ ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันของเราก็ต้องออกใบแจ้งเคลมให้กับคู่กรณีเราด้วยครับผม
ส่วนเคลมแห้ง นั้น รถเราจะชนกับอะไรก็ได้ มีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ ครูดฟุตบาท ชนกำแพง หรือจะชนกับรถด้วยกันก็ได้ แต่เราไม่ได้ประกันเรียกทันที เราอาจจะรอเรียกก่อนจะหมดอายุกรมธรรม์เดิมสัก 30 วัน เพื่อให้ช่างซ่อมให้สวยงามพร้อมให้บริษัทประกันที่ใหม่ตรวจสภาพรถ กรณีนี้เราก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จดวันเวลาเกิดเหตุไว้ เพื่อรวบรวมแจ้งเคลมทีเดียวครับ เคลมแห้งแบบนี้ เอกสารที่ต้องเตรียม ก็คือ รูปถ่ายจากตำแหน่งและสถานที่เกิดเหตุที่เราเก็บบันทึกเอาไว้ ใบขับขี่ผู้ขับ บัตรประชาชน หน้าตารางกรมธรรม์ แล้วก็โทรแจ้งบริษัทประกันได้คล้ายกันกับการเคลมสดเลยครับผม หรือจะขับรถไปแจ้งที่ศูนย์ประกันใกล้บ้านได้เลยครับ
ตอนนี้เชื่อว่าทุกๆท่านที่ได้อ่านบทความนี้ก็จะพอเข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งกว่าช่องดิจิตอลทีวีระดับ HD ถึงการเคลมสดและเคลมแห้งกันบ้างแล้วล่ะใช่มั้ยคร้าบบ อุบัติเหตุก็เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอกเนอะ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเรายังมีประกันรถยนต์ไว้อยู่ก็ควรใช้ให้เกิดประโยชน์ถูกมั้ยละ และเวลาแจ้งกับบริษัทประกันก็ต้องได้รับเลขรับแจ้ง ระบุตำแหน่งการเสียหายให้เรียบร้อยครบถ้วน เพื่อความสะดวกเวลาไปเคลมที่อู่หรือศูนย์นะครับ